สวนสุนนท์กุล [สวนไผ่,สวนผสม,เกษตรธรรมชาติ] http://sunbamboo.siam2web.com/

   Main webboard   »   สมุนไพรใกล้ตัว
 ย้อนกลับ  |    
Started by
Topic:   “ขิง”สมุนไพรฤทธิ์ร้อน   (Read: 1683 times - Reply: 0 comments)   
A-neg (Admin)

Posts: 56 topics
Joined: 8/9/2553

“ขิง”สมุนไพรฤทธิ์ร้อน
« Thread Started on 14/11/2553 21:24:00 IP : 124.122.26.15 »
 

คลิกเพื่อดูขนาดจริง หากเรากินอาหารให้เหมาะกับฤดูกาลแล้ว อาหารนั้นก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพนะคะ ตัวอย่างเช่น สมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนอันที่จริงโดยทั่วไปก็กินกันได้ทุกฤดู แต่ก็เหมาะอย่างยิ่งที่จะกินในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น สมุนไพรฤทธิ์ร้อนมีหลายชนิด เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ กระชาย กะเพรา โหระพา พริก พริกไทย ฯลฯ แต่ที่จะกล่าวถึงในวันนี้ ก็คือ “ขิง” ค่ะ

ขิงเป็นสมุนไพรที่เรารู้จักกันดีและใช้กันมานาน สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ไก่ผัดขิง ปลานึ่ง ปลาต้มส้ม โจ๊กใส่ขิง เมี่ยงคำ เต้าฮวย บัวลอยน้ำขิง หรือหากใครชอบน้ำผลไม้ปั่น ลองเพิ่มรสชาติด้วยขิงก็หอมอร่อยดีค่ะ


สรรพคุณของขิง

ตำรายาไทยมีการนำขิงมาใช้ประโยชน์แทบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นต้น ใบ ดอก ราก ผล แต่ส่วนมากที่นำมาใช้กันก็คือ เหง้าขิง ซึ่งนิยมใช้เหง้าแก่สด เพราะขิงยิ่งแก่จะยิ่งมีรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม และมีใยอาหารมาก

นอกจากขิงจะช่วยขับเหงื่อ ไล่ความเย็น ทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นแล้ว ยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน เมารถเมาเรือ บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ บรรเทาอาการท้องร่วง ท้องเสีย บำรุงน้ำนม ช่วยย่อยอาหาร และช่วยเจริญอาหาร นอกจากนี้ผู้ที่เป็นหวัดหรือปวดศีรษะ กินขิงสดๆ จะช่วยได้มาก






การศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าในเหง้าขิงมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีสารที่ทำให้ขิงมีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีฤทธิ์ขับลม ขับน้ำดี ช่วยย่อยไขมัน กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้ลำไส้เพิ่มการเคลื่อนไหว ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องเกร็ง ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน และยังมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า ขิงช่วยลดอาการข้ออักเสบได้ แต่เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงยากที่จะกินในปริมาณมากเพื่อให้ได้ผลตามที่ต้องการ


ในประเทศอินเดียใช้ขิงในการบำบัดรักษาสุขภาพมานานกว่า 2,000 ปีแล้ว โดยอาศัยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ

บางตำราก็ระบุว่ามารดาที่ให้นมบุตรหากได้กินขิง สารสำคัญจากขิงสามารถผ่านไปยังน้ำนม ช่วยทำให้ทารกไม่มีอาการปวดท้องได้อีกด้วย

วิธีการนำมาใช้

บรรเทาอาการจุกเสียด ท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน เมารถเมาเรือ : นำขิงแก่สดประมาณ 2-3 เหง้ามาทุบพอแตก แล้วนำไปต้มกับน้ำ

บรรเทาอาการหวัด : นำขิงแก่ขนาดประมาณหัวแม่มือ ทุบให้แตก ต้มกับน้ำ 1 แก้ว ใช้ไฟอ่อนๆ ต้มให้เดือดนาน 5 นาที แล้วเติมน้ำเล็กน้อย ดื่มขณะยังอุ่น 3 เวลา เช้า-กลางวัน-เย็น หรือนำขิงแก่มาปอกเปลือก ฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปตากในที่ร่มประมาณ 2 วันจนแห้ง แล้วนำขิงแห้ง 3 กรัมต้มกับน้ำ 1 แก้วจนเดือดนาน 3 นาที ดื่มบรรเทาอาการหวัด หรือจะใช้ขิงแก่ 2-3 เหง้า นำมาทุบให้ละเอียดต้มกับน้ำอาบเพื่อขับเหงื่อ ลดอาการไข้เนื่องจากหวัด


บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ : นำขิงสดมาตำ คั้นน้ำให้ได้ประมาณครึ่งถ้วย ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ต้มกับน้ำ 2 ถ้วย ดื่มวันละ 3 ครั้ง หรือใช้ขิงสดฝนกับมะนาว เติมเกลือเล็กน้อย ใช้กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ


บรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง : ใช้ขิงแห้งชงกับน้ำอุ่น ดื่มวันละครั้ง น้ำขิงจะช่วยให้การอักเสบที่เกิดจากพิษของเชื้อโรคลดลง และช่วยขับเชื้อโรค


บรรเทาอาการปวดประจำเดือนในช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน : นำขิงแก่แห้งมาต้มกับน้ำ ดื่มบ่อยๆ


รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก : ตำขิงสดให้ละเอียดแล้วนำกากมาพอกที่แผล บรรเทาอาการอักเสบเป็นหนอง


กำจัดกลิ่นรักแร้ : นำเหง้าขิงแก่มาทุบ คั้นเอาแต่น้ำขิง ทารักแร้เป็นประจำจะช่วยกำจัดกลิ่นได้






ข้อควรระวัง

การใช้น้ำสกัดจากขิงที่เข้มข้นมากๆ จะให้ผลในทางตรงข้าม คือจะไประงับการบีบตัวของลำไส้ ดังนั้นไม่ควรดื่มน้ำสกัดจากขิงที่เข้มข้นมากเกินไป เพราะจะไม่ให้ผลในการรักษาตามที่ต้องการ และเนื่องจากขิงมีฤทธิ์ร้อน หากกินมากเกินไป อาจทำให้แสบคอ เจ็บคอ และร่างกายร้อนจนเกินไป

นอกจากขิงแล้ว ก็อย่าลืมสมุนไพรฤทธิ์ร้อนตัวอื่นๆ ด้วยนะคะ จะช่วยให้ร่างกายของคุณอบอุ่นขึ้น กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต หากป่วยไข้ไม่สบาย ก็จะช่วยบรรเทาอาการให้หายเร็วขึ้น

 
   Link to Post - Back to Top

Bookmark and Share

   Main webboard   »   สมุนไพรใกล้ตัว
 ย้อนกลับ  |    

 

คนโบราณและนักโภชนาการมักกล่าวว่า อาหารเป็นยาที่วิเศษที่สุด เพราะเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ใช่ว่าต้องเป็น อาหารที่มีราคาแพงอย่างเป๋าฮื้อ หูฉลาม รังนก หรือของหายากอย่างดีหมีเท่านั้น ถึงจะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายได้ เพราะจากการศึกษาแล้วพบว่าอาหารที่เราหาได้ตามท้องตลาดในชีวิตประจำวันก็มี ประโยชน์ในตัวไม่ใช่น้อย

ที่สำคัญอาหารเหล่านี้ยังช่วยล้างพิษให้แก่ อวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่น ตับ ลำไส้ ไต ผิวหนัง ช่วยป้องกันการจับตัวของสารพิษ รวมถึงช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งสารพิษต่างๆที่สะสมอยู่ในร่างกายอาจมาจากควันพิษในอากาศ สารเจือปนในอาหาร เช่น สีผสมอาหาร สารกันเสีย ยาฆ่าแมลง ปรุงรส เป็นต้น

คราวนี้ลองมาดูกันว่าอาหารชนิดใดสามารถช่วยล้างพิษให้คุณได้บ้าง

  1. สาหร่าย พืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ แต่จากการศึกษาของ Mcgill University ที่ Montreal แสดงผลว่าสาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกาย



ใน ปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้น และสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก


  2. หัวหอม ประกอบไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบ โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่


  3. มะนาว เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษ และทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย



  4. เมล็ดแฟลกซ์ ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น อย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น



  5. กระเจี๊ยบ น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดิน ปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้



  6. ทับทิม ตำราแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามารถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้ เนื่องจากในผลทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยา แก้ปวด ช่วยล้างพิษ ลดการติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย และลดอาการอักเสบ



โดย เฉพาะผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิม เพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น


  7. พืชตระกูลถั่ว (เช่นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว) จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วยพืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟ เบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย


  8. ขึ้นฉ่าย ถือว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิต สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควัน บุหรี่ด้วย



  9. แครอท เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ( Alpha and Beta-carotene ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาท สายตา ผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ และจากการวิจัยพบว่าสารในแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็ง และช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้น



  10. มะเขือพวง คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภท ผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิ และน้ำพริก สมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วย ใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลักแต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้าม แกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือ และคนก็เลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อน

มะเขือ พวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย


  11. ส้มโอ หรือเกรปฟรุต เพราะเป็นผลไม้รสชาติดีจึงได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อ ร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย



  12. กระเทียม จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือ การกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย



  13. บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์สูงมากชนิดหนึ่งและถือเป็นหนึ่งในสุดยอด อาหารรักษาโรค เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการระคายเคือง สารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ



  14. กะหล่ำ เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ( Antioxidant ) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ พืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และกะหล่ำปม ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย



  15. บีทรูต ผักสีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผักมหัศจรรย์ซึ่งเประกอบไปด้วยไฟโรเคมี คอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรด-ด่างในเลือด ให้สมดุลด้วย


  16. อะโวคาโด อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน(Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ ได้กิน และมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์



  17. ตำลึง ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่าย และราคาไม่แพงนี้ ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อยๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าแกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบ และมีหมูสับเต็มไปหมด ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย


  18. แอปเปิ้ล ประกอบไปด้วยเพกตินสูง เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมอง นี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเบิลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้



19. อัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แม้จะมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควร กินอัลมอนด์ นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่า ไฮโปไกลซีเมีย( Hypoglycemia )จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรง คิดอะไรไม่ออก


  20. กล้วย มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกิออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเปลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย



นี่คือความสุดยอดของบ้านเมืองเรา.....ซึ่งบ้านเมืองอื่น..แอบอิจฉา

 

 

เวบไชด์น่าสนใจ เกี่ยวกับพลังงาดทดแทน

www.are101.org  ความ รู้เกี่ยวกับพลังงานลม กังหันลม พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้ง โซลาร์เซลล์ โซลาร์เทอร์มอล แผ่นสะท้อนความร้อน และการใช้งานพลังงานแสงอาทิตย์ทุกรูปแบบ เชื้อเพลิงทดแทนต่างๆ Fuel cell, พลังน้ำ, การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ, การประหยัดพลังงาน, บ้านประหยัดพลังงาน, แบตเตอร์รี่ ฯลฯ

 

บทความน่าอ่าน

การผลิตพลังงานไฮโดรเจน อีกวิธีการหนึ่ง(แผงโซลาร์เซล) ข้อมูลจาก:http://www.oknation.net
เทคโนโลยีการเก็บไฮโดรเจน ข้อมูลจาก:http://thailandindustry.com

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 147,558 Today: 51 PageView/Month: 707

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...