facebook = อเนก สุนนท์กุล สวนเกษตรปราณีต
  พอเพียง เป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้ง(เดินทางสายกลาง)
ซึ่งก็หมายความว่า การดำรงชีพแบบพึ่งตนเอง 
ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอกที่แปรผัน 

    พอเพียง หรือความพอดี ไม่ได้เป็นสูตรสำเร็จตายตัว แล้วแต่จะเหมาะกับตัวบุคคลนั้น  ก็ควรจะต้องอยู่บนพื้นฐานแนวคิดของความเป็นไปได้ และความพอดี ความเหมาะสมกับสภาพปัจจัยส่วนตัวบุคลนั้น
    ปัจจัย4 เป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ทุกเผ่าพันธุ์  ประกอบด้วย  บ้าน ผ้า ยา อาหาร  นั่น หมายความว่า เบื้องต้นแล้วการทำเกษตรพอเพียงจะต้องสามารถตอบโจทย์เรื่องปัจจัย4 
        พอเพียง ต้องเริ่มจากปัจจุบัน ตั้งเป้าหมายไว้แค่เอื้อมมือถึงก่อน ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง ตั้งเป้าไว้ใกล้ๆ ไปถึงแล้วค่อยฝันต่อ ทำน้อยๆแต่ให้ดี พอดูแลได้ทั่วถึง เท่ากำลังทุนและแรงงานที่มี ไม่สร้างหนี้
  ความเชื่อทางวัตถุนิยม ไ่ม่ว่าเศรษฐี หรือ ยาจก ก็มีความต้องการทางด้านวัตถุอยากได้-อยากมี พอๆกัน แล้วใครเอ่ย เป็นทุกข์มากกว่ากัน  อยากได้อยากมี มากๆ เข้าใจแ่ก่นชีวิตผิดๆ ถึงจะต้องทำอะไรผิดๆก็ยอม 

  เกษตรกร ทำตัวเป็นห่วงโซ่อาหารชั้นล่างสุด ซึ่งผู้กำหนดกลไกตลาดและราคา พ่อค้าและนักการเมือง เกษตรกรไม่สามารถควบคุมได้้ด้วยตัวเกษตรกร  แล้วทำไมต้องเอาอนาคตไปเสี่ยงกับสิ่งเหล่านี้
ทำอย่างไร โรงงานผลิตอาหารเล็กๆ ของเราจะดำเนินไปได้ แม้ในสภาวะโลกที่แปรผัน
 

เงินจำเป็นมาก ในการดำรงชีวิต แต่..คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อเงิน   

ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง คือคำตอบ   ทุกอย่าง ด้วยสมอง และสองมือของเราเอง
      หลักพอเพีบงนี้  ก็คือ ทางสายกลาง ที่ถูกถ่ายทอดมานับพันปีแล้ว แนวทางการตัดกิเลส ความอยากได้ อยากมีเกินตัวก็มีแนะไว้
คงไม่ต้องถึงขั้นบวชเป็นพระ มนุษย์ธรรมดาก็สามารถเข้าใจได้  พุทธองค์ท่านตรัสรู้ได้ด้วยเข้าใจหลักธรรมชาติ แล้วเกษตรเมืองพุทธอย่างเราจะทำไม่ได้เชียวหรือ?? 


     เมื่อปัจจัย 4 เพรียกพร้อม สิ่งที่เรามีอีกอย่างคือ คุณภาพชีวิตที่ดี มีอากาศดีๆให้ได้หายใจ ทำให้สุขภาพจิตดี พร้อมเรียนรู้และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มีสุขภาพที่แข็งแรงจากการกินผักปลอดสารพิษ ค่ำมามีเวลาสอนการบ้านลูกหรือ มีเวลากินข้าวด้วยกัน  มีเวลาพูดคุยใส่ใจพัฒนาการและความเป็นไปของเขาในวัยหนุ่มสาว ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆ สอนสิ่งดีเป็นเกราะป้องและแนวทางดำเนินชีวิตให้กับลูก
    นี่คือ  จุดเริ่มต้นของสังคมที่น่าอยู่ สิ่งเล็กๆนี้ มันต้องเปลี่ยนมาจากข้างในแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นการปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม   เริ่มที่ตัวเราก่อน มันจะสะท้อนผลนั้นสู่ครอบครัวและสังคมรอบข้างได้   เรียกได้ว่า เรากำลังเปลี่ยนแปรงชีวิตเราเอง เปลี่ยนสังคม เปลี่ยนประเทศ รวมถึงโลกอนาคต 



" ....ชีวิตเราบางคนทำงานหนักเสียจนลืม..ลืมไป...ว่าชีวิตเราเกิดมาทำไม..

เกิดมาเพื่อทำงานให้หนักแล้วก็ตายไป..เช่นนั้นหรือ..
.....กว่าจะรู้ตัวก็อายุมาก สังขารเสื่อม แรงล้าเกินกว่าจะทำการใดๆให้แก่ชีวิต.

การมี ยศฐาบรรดาศักดิ์ ที่สูง. ตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ มีบ้านหลังโตๆ มีรถสวยๆ ราคาแพงๆ  สุดท้ายบั้นปลายของชีวิต. เราก็ได้แค่นั้งมอง  มิอาจจะหาความสุขที่แท้จริงได้จากสิ่งที่เราบากบั่นแสวงหามาทั้งชีวิต..     สุดท้ายก็หนีไม่พ้นที่จะกลับไปหาธรรมชาติ.

หาตัวเราให้เจอ ครับ..แล้วใช้ชีวิตของเราที่เหลืออยู่ให้มีความสุข...
ท้ายที่สุด ชีวิตของเราจะมีความสุขมากกว่าเศรษฐี..ร้อยล้าน พันล้าน..  "